วุ่นรัก...ยัยเพ้อฝันกันนายสุดกวน (Turbulence Love Young)
พระเอกทำงานเป็นผู้ช่วยบ.ก. ส่วนนางเอกเป็นนักเขียน นางเอกส่งนิยายไปยังสำนักพิมพ์ที่พระเอกทำงานอยู่ แรกพบทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกันแต่สุดท้ายก็รักกัน โดยมีอุปสรรคคือ อดีตแฟนเก่าและอริเพื่อนเก่าของพระเอก
ผู้เข้าชมรวม
276
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
(Mr.Zero-Up)
หน้า 1
ตอนที่ 1
คนอะไรเนี่ย
หน้า 2
ตัดมาทางนางเอก ยามถามนางเอก (ยาม) : "(คุณครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ" (เมย์) : "คือดิฉันชื่อ เมมารินทร์ ค่ะ จะมาส่งต้นฉบับเพื่อให้สำนักพิมพ์พิจารณาค่ะ" (ยาม) : ดูเวลา "แต่เอ...ตอนนี้หมดเวลาแล้วนะครับ ผมว่าคุณมาส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้ดีกว่าครับ" (เมย์) : "ให้ฉันเข้าไปส่งต้นฉบับเถอะนะค่ะ ไหน ๆ ฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว" และแล้วธีร์กับสิทธิ์ก็ลงมา และเห็นเมย์กับยามยืนคุยกัน ธีร์จึงเข้าไปถาม "นี่ ๆ ที่นี่สำนักพิมพ์นะคุณจะยืนจู๋จี๋กันก็ให้ไปที่บ้านโน้น ไม่ใช่มาทำเป็นจู๋จี๋ที่นี่" ยามตอบ (ยาม) : "ไม่ได้ยืนจู๋นี๋กันครับ" "คือคุณผู้หญิงคนนี้จะมาส่งต้นฉบับนะครับ" (ธีร์) : "อ๋องั้นเหรอ งั้นขอโทษด้วยละกัน (เมย์) : "นี่คุณจะพูดจาอะไรก็ให้ดูเหตุการณ์ให้ดีก่อนนะ ระวังปากเจ่อนะคุณ" (ธีร์) : "อ้าวทำไมพูดแมว ๆ อย่างนี้หล่ะ ตะกี้ผมก็ขอโทษคุณแล้วไง ไม่ได้ยินหรือไง หูนะหู" (เมย์) : "(ฉันได้ยินแต่คุณก็ควรจะพูดจาให้สุภาพหน่อยนะ สงสัยจะไม่เคยเรียนวิชาจริยศาสตร์สนทนามามั้ง" (ธีร์) : "นี่คุณ!! พูดอย่างนี้เดี๋ยวสวยหรอก" เมย์ตอบทันควัน (เมย์) : "ฉันสวยตั้งแต่เกิดแล้ว" "ไม่เหมือนคุณหรอกลักษณะอย่างกับจรกาเผือก" (ธีร์) : " ว่าไงนะแม่สวยเอ๋อเหรอ"เมย์ทำท่าโกรธแล้วพูด (เมย์) : "นี่คุณฉันไม่ใช่คนปัญญาอ่อนนะ" ว่าแล้วทั้งคู่ก็เถียงกันโขมงโฉงเฉง....จากนั้น...ยามตะโกน (ยาม) : "จะเถียงกันทำไมครับคุณธีร์ คุณผู้หญิง" ยามหันมองเมย์แล้วบอกว่า "คุณผู้หญิงครับคุณธีร์นี่แหละครับที่คุณจะต้องส่งต้นฉบับให้พิจารณาไงครับ" แล้วยามหันไปบอกธีร์ด้วยว่า "คุณธีร์ครับ" "คุณผู้หญิงคนนี้มาส่งต้นฉบับเรื่องครับ" แต่นแต๊นว่าแล้วนางเอกก็ต๊กกะใจพลางพูดแก้เขิน (เมย์) : "นายนี่เหรอ เอ๊ยคุณคนนี้รึค่ะที่เป็นผู้รับต้นฉบับนะ" "ครับ" "คุณธีร์นี่แหละครับ" ยามขานรับ บรรยากาศเอวังทันทีเมย์จึงอุทานว่า "เป็นไงค่ะคุณธีร์ นี่เป็นฉากหนึ่งในนิยายของฉันตอนที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรกแล้วเถียงกัน"เมย์ช่างแถได้หน้าตาเฉยเลย ส่วนพระเอกก็พลอยเคลิบเคล้มไปด้วย ธีร์ลืมตัวแล้วพูด (ธีร์) : "อืมก็เป็นการปะทะคารมณ์ที่ดีเหมือนกันนะ คุณนี่ช่างคิดได้ ถ้าคนอ่านได้อ่านต้องชอบแน่เลย" "แต่เอ...เมื่อกี้....เมื่อกี้....เราสองคนดูเหมือน...เหมือนจะ....อืม.... นางเอกเอามือประกบกันแล้วทำหน้ายิ้มแบบเชื่อม ๆ ว่าแล้วธีร์ก็นึกขึ้นได้ "เฮ้ยไม่ใช่ !!" "เมื่อกี้เราสองคนทะเลาะกันต่างหาก" "มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย ไปเลย ๆ คุณกลับไปเลยไป ผมไม่รับต้นฉบับคุณ และนี่ก็เลยเวลารับต้นฉบับมานานมากแล้ว กลับไปซะ" "เล่นเอาเราเคลิ้มเลยยัยเอ๋อเหรอ" นางเอกชักฉุนกึกพร้อมเม้มปาก แต่นึกได้ว่าต้องใช้เงินค่าเช่าบ้านเดี๋ยวเจ๊หลินจะทวงเงิน (เจ้าของบ้านเช่า) เมย์จึงต่อว่าธีร์อย่างน้ำเสียงสุภาพแต่คำพูดไม่ใช่ (เมย์) : "ก็คุณทำให้ฉันเสียเวลาและพูดจาใม่สุภาพก่อนทำไมล่ะค่ะ" "ฉันถึงส่งต้นฉบับให้คุณไม่ทันยังไงล่ะค่ะ" เมย์พูดพร้อมทำปากมุบมิบแล้วทำคิ้วขมวดเป็นลูกศรชนกัน ธีร์จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ใช้คำพูดไม่สุภาพเหมือนกันกลับไปว่า "คุณผู้หญิงครับ" " ก็คุณมาสายเองนี่ครับ คุณรู้ว่าส่งต้นฉบับไม่ทัน แต่ก็ไม่รู้จักส่งมาทางเมล์หล่ะครับ" " คุณสวยเอ๋อครับ" เมย์ฟังแล้วจึงสวนกลับไปว่า "นี่ฉันพูดสุภาพที่สุดแล้วนะ ทำไมคุณต้องว่าฉันอีกหา" ธีร์ตอบกลับ (ธีร์) : " คุณก็เหมือนกันแหล่ะ พูดจาไม่เห็นสุภาพตรงไหนเลย"ทันใดนั้นสิทธิ์ที่ยืนฟังอยู่นานแล้วจึงเดินเข้ามาพูดว่า "นี่ผมยืนฟังคุณสองคนมานานแล้วนะ" พร้อมกับบอกธีร์ว่า "ธีร์นายเป็นผู้ชายนะควรจะสุภาพกับผู้หญิงหน่อยนะ" แล้วมองไปทางเมย์พร้อมกับพูดว่า "คุณผู้หญิงครับคุณก็ควรจะรักษาเวลาด้วยนะครับ" "เอาเป็นว่าผมเห็นความตั้งใจของคุณ....เอคุณชื่ออะไรครับ ผมสุรสิทธิ์ครับ เรียก
หน้า 3
ผมว่าสิทธิ์ก็ได้ครับ และยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
"ดิฉันชื่อเมมารินทร์ค่ะ เรียกว่าเมย์ก็ได้ค่ะ" เมย์ตอบ "ตกลงว่าผมจะรับต้นฉบับของคุณเมย์ไว้ล่ะกันนะครับ แล้วผมจะนำไปพิจารณาดูนะครับ" เมย์ฟังแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยจึงตอบสุรสิทธิ์กลับไปว่า "ขอบคุณ (พร้อมยกมือไหว้) (สิทธิ์รับไหว้) นะค่ะ ที่คุณสิทธิ์มีความกรุณาไม่เหมือนใครบางคนที่ยืนอยู่แถวนี้ ท่าทางท้องผูก สีหน้าเขียวอย่างกับการ์ตูนฝรั่งอะไรนะที่เป็นยักษ์ตัวเขียว" ธีร์ฟังแล้วฉุนและพูดว่า "นี่คุณ !!" "จะเอายังไงกับผมอีกแม่บาร์บี้ส์เอ๋อเหรอ" สิทธิ์ฟังแล้วหัวเราะแล้วแย้งว่า "เอาน่าเพื่อนอย่าใส่ใจคุณเมย์นักเลย เธอก็แค่ล้อเล่นนายเท่านั้นเอง ใจเย็น ๆ เดี๋ยวน่าเขียวจริง ๆ หรอก" "ฉันหิวข้าวแล้วนะ" "ไส้จะกลิ่วอยู่แล้วรีบไปกันเถอะธีร์" ว่าแล้วก็นำต้นฉบับไปแล้วขอตัวไปกินข้าวกับเพื่อน "คุณเมย์ครับงั้นผมและธีร์ขอตัวไปรับประทานอาหารก่อนนะครับ" "ไปกันเถอะธีร์" ก่อนไปธีร์ทำหน้าแง่ง ๆ ใส่เมย์ เมย์จึงทำหน้ากวน ๆ และแลบลิ้นกลับพร้อมพูดว่า "ไปเลยไป" "คุณตัวเขียว ชิ้ว ๆ"ผู้หญิงอะไรสวยก็สวยอยู่หรอก แต่ปากจัดจริง ๆ นายว่ามั้ย" ธีร์บ่นพึมพัม) (สิทธิ์) : "ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันหิวมาก" สิทธิ์รับประทานอาหารไปและอ่านนิยายของเมย์ไปและเริ่มอินกับนิยายพร้อมกับน้ำตาร่วงและพรรณนาว่า "นางเอกคนนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ" กินไปร้องไห้ไป "แม่ก็มีกรรมโชคร้ายตาบอด พ่อแยกทางตัวนางเอกก็ต้องทำงานสารพัด รายได้ก็น้อย" ธีร์ฟังแล้วรู้สึกหมั่นไส้พร้อมกับแซวว่า "ก็แค่นิยายน้ำเน่า ใคร ๆ เค้าก็เขียนกันในลักษณะเดียวกันทั้งนั้นแหละ นายนี่เว่อร์จริง ๆ เล้ย" "ไหนเอามาอ่านหน่อยซิ ให้รู้ไปว่ามันจะเศร้ามากแค่ไหน" ธีร์อ่านไปได้สักพัก.....โฮ้ฮฮๆๆๆ ทำไมช่างน่าสงสารเช่นนี้ ช่างสะเทือนใจเรานัก" "นายดูสิ โฮ้" สิทธิ์พึมพัมกับตัวเองว่า "ดูมัน มันอ่านแลัวยังซาบซึ้ง แลัวยังทำมาว่าอีก" ธีร์ได้ยินพลางพูด (ธีร์) : "อะไรนะ ก็แค่นิยายเศร้า ๆ โถ่" สิทธิ์ได้ทีเลยแซวต่อ (สิทธิ์) : "ชอบก็บอกเถอะเพื่อน ไม่เห็นต้อมาทำเป็นแก้เขินเลยนิ" สิทธิ์ทำหน้าหัวเราะร่าเริง ธีร์เลยแก้เขินอีกครั้งว่า "อิ่มรึยังต้องขึ้นไปทำงานต่อแล้วนะ"ตัดมาทางด้านเมย์ (เมย์) : "วันนี้ซวยจริง ๆ นาฬิกาปลุกถ่านหมด ตื่นสาย แถมมาเจอคนอะไรเนี้ย ดีแต่หล่อแต่ปากจัดชมัด" เมย์เดินไปมาสักครู่ก็มีโทรศัพท์จากเชอร์รี่ "ตู๊ด ๆๆๆ" "ว่าไงเชอร์รี่" เสียงเชอร์รี่ "เมย์กลับมาช่วยซื้อข้าวกล่องมาให้ด้วยนะจ๊ะ" เมย์ตอบกลับไป (เมย์) : "นี่แกแทนที่จะโทรมาถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ยังมีหน้าโทรมาสั่งข้าวกล่องฉันอีก" "ฉันไม่ใช่เจ้าของร้านอาหารที่สามารถส่งอาหารจานด่วนให้แกได้นะ" เชอร์รี่หัวเราะและตอบเมย์กลับ (เชอร์รี่) : "แหมกองทัพต้องเดินด้วยท้องสิจ๊ะเมย์ ถ้าไม่มีแรงจะทำงานได้เหรอเพื่อนรัก" เมย์พูดแบบงอน ๆ (เมย์) : "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี อยากกินอะไรก็บอกมา" เชอร์รี่รีบสั่งทันที (เชอร์รี่) : "(ข้าวผัดละกันอร่อยดีฉันชอบกิน" เมย์) : "เออ ๆ อร่อยแกแต่เงินฉัน แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวฉันรีบกลับ" วางหูไม่ทันไรก็มีเสียงโทรศัพท์ดังอีก "ตู๊ด ๆๆ" เมย์รับสาย (เมย์) : "อะไรอีกหล่ะแม่คนชอบนอนกลนจอมหิวโหย" "กลนอะไร หิวโหยอะไรหาลูกคนนี้" แม่มาลี(เมย์) : "เสียงคุ้น ๆ แม่เหรอค่ะ หนูขอโทษค่ะ เมื่อกี้เชอร์รี่โทรมาสั่งข้าวและเพิ่งวางสายไปค่ะ" "แม่มีเรื่องอะไรรึเปล่าค่ะถึงโทรมาได้คะเนี้ย" แม่มาลีตอบกลับว่า (แม่มาลี) : "ต้องมีเรื่องด้วยเหรอถึงจะโทรมาได้หาลูกคนนี้นี่"หน้า 4
"แม่อยากถามว่าการกินอยู่เป็นอย่างไร แล้วงานหนังสือได้ตีพิมพ์มั้ยจ๊ะลูก" เมย์ตอบอย่างสุภาพ (เมย์) : "ยังเลยค่ะแม่พอดีวันนี้หนูเพิ่มส่งต้นฉบับไปให้ทางสำนักพิมพ์พิจารณาอยู่ค่ะ หนูมั่นใจนะค่ะว่างานต้องได้ตีพิมพ์แน่นอนค่ะ" แม่มาลีฟังแล้วให้กำลังใจเมย์ (แม่มาลี) : "ถ้าลูกมั่นใจอย่างนี้แม่ก็ขออวยพรให้ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือนะจ๊ะลูก" "อยู่กรุงเทพ ฯ ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก" "ค่ะแม่" เมย์ตอบ แล้วเมย์ถามแม่กลับว่า "แล้วที่ร้านเป็นไงบ้างค่ะขายดีมั้ย แล้วเป้ (น้องชายเมย์) หล่ะช่วยงานแม่ดีมั้ยค่ะ"แม่มาลีตอบกลับว่า "ดี ๆ น้องชายแกก็ช่วยงานดี แต่เลิกเรียนทีไรเป้ชอบไปเตะบอลกับเพื่อนเขาอยู่เรื่อย" เมย์พูดกลับ (เมย์) : "ก็อย่างนี้แหละค่ะแม่ เด็กผู้ชายก็ติดเพื่อนอย่างนี้แหละ" "ขอแต่อย่าไปติดการพนันหรือติดยาก็พอแล้ว" "เออแค่นี้ก่อนนะค่ะแม่ เดี๋ยวเปลืองค่าโทรศัพท์แม่เปล่า ๆ " "แล้วหนูจะติดต่อกลับไปหาแม่เองนะค่ะ" แม่มาลีตอบกลับ (แม่มาลี) : "จ๊ะลูก" "ดูแลตัวเองด้วยนะแม่เป็นห่วง" เมย์รับคำ (เมย์) : "ขอบคุณค่ะแม่ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะค่ะ รักแม่ค่ะ สวัสดีค่ะแม่"เมย์มาถึงบ้านพร้อมกับข้าวกล่องแสนอร่อยสองกล่อง (เมย์) : "กลับมาแล้วจ๊ะ ข้างผัดของคนชอบนอนกลน" "กินหมดแล้วช่วยทิ้งลงถังขยะด้วยนะจ๊ะ" เชอร์รี่กินข้าวผัดอย่างอเหร็ดอร่อยพร้อมถามเมย์ว่า "เป็นยังไงบ้างเมย์ วันนี้ส่งต้นฉบับทันรึเปล่า" เมย์ตอบกลับ (เมย์) : "(ส่งได้แต่คนรับนะสิกวนประสาทชะมัด นึกแล้วยังโมโหไม่หาย" เชอร์รี่) : "ก็เธอไปสายเองนี่ โทษเขาก็ไม่ได้หรอกนะ" เมย์พูดอย่างจริงจัง (เมย์) : "ฉันรู้ ฉันรู้ว่าฉันไปสาย แต่เขาพูดจาไม่ดีก่อน มีอย่างที่ไหนมาว่า ๆ ฉันยืนจู๋จี๋กับยามหน้าสำนักพิมพ์นะ" "สงสัยจะป่วยทางจิต"เชอร์รี่ฟังแล้วพูดกลับ (เชอร์รี่) : "เขาอาจจะเสียหวยก็ได้ถึงอารมณ์ไม่ดี เลยพาลพูดอย่างนั้นไปนะ" เมย์แย้งกลับ (เมย์) : "เธอรู้ได้ไงว่าเขาเสียหวยนะเชอร์รี่" เชอร์รี่หัวเราะแล้วพูด (เชอร์รี่) : "ก็เธอดูที่ปฏิทินสิ ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว" เมย์ดูปฏิทินพลางพูด (เมย์) : "ก็วันที่ 16 อืม...แกนี่ช่างคิดดีนะ" "ชั้นว่าแกน่ะน่าจะไปขายหวยดีกว่านะ" "แต่ถ้าแกขายหวยใต้ดินตำรวจจับ ฉันไม่ไปประกันตัวให้แกด้วยนะ" "ตัวใครตัวมัน" เมย์ทำตาโตแบบจริงจังพร้อมแลบลิ้นแล้วพูดว่า "ฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" เชอร์รี่ตะโกนขึ้นไปบอกว่า "ถ้าฉันซื้อหวยแล้วถูกรางวัลที่หนึ่ง อย่ามาขอใช้เงินนะแก" เชอร์รี่ยืนยักท้าวเอว แล้วเดินไปนั่งดูโทรทัศน์พอกลางดึก ทั้งคู่หลับไหลอย่างมีวามสุข...แต่มีคนหนึ่งกับฝันร้ายไม่รู้เก็บไปฝันเองรึเปล่าเมย์ฝันว่า.... "ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ดองจุนช่วยฉันด้วย มีคนตามฆ่าฉัน" เธอวิ่งไปเรื่อย ๆ แล้วไปชนอะไรบางอย่าง ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่เป็น นายธีร์ แห่งสำนักพิมพ์เรียลบุ๊กส์นั่นเอง เมย์วิ่งชนดังปึกแล้วพูดว่า "ขอโทษค่ะ อุยเจ็บหัวจัง" พร้อมแหงนหน้าขึ้นไปมองชายคนนี้ และอุทานขึ้นมาว่า "นายธีร์ นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง" ธีร์ในความฝันพูดว่า "ไม่ต้องพูดมาก !! ตายซะเถอะ" ธีร์บีบคอเมย์อย่างแรงพร้อมเขย่า ๆ แล้วพูดว่า "ตาย ๆๆ" พร้อมทำ
หน้า 5
หน้าสะใจแบบโรคจิต จนกระทั่ง....
รุ่งเช้าเมย์ละเมอพร้อมจับคอตัวเองแล้วละเมอว่า "ปล่อยฉันนะไอ้บ้าธีร์ ปล่อยฉัน จะจองเวรฉันไปถึงไหนหา" จนกระทั่งเมย์ตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อออกหน้าซีดและเธอพูดว่า "คนอะไรจองเวรแม้แต่ในความฝัน เล่นเอาเราเกือบตาย" เบื้องหน้าของเมย์คือเชอร์รี่ นั่งไข่วห้างอ่านหนังสือพร้อมพูดว่า (เชอร์รี่) : "(โอ้โหแกฝันร้ายเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ใครนะธีร์แฟนแกเหรอ"เมย์) : "(แฟนบ้าแฟนบออะไร!!! ศัตรูละไม่ว่า" เชอร์รี่) : "แล้วแกไปรู้จักนายธีร์คนนี้จากไหนเหรอ ทำไมฉันไม่รู้จักเขาเลยล่ะ" เมย์สวนคำพูดทันควัน (เมย์) : "จากไหนเหรอ ก็อีตาที่อยู่สำนักพิมพ์เรียล บุ๊กส์ ที่รับต้นฉบับฉันไงล่ะ ไม่ใช่สิเพื่อนเขาต่างหากที่รับต้นฉบับฉัน" เชอร์รี่ฟังแล้วแซวเมย์กลับ "อ๋อเหรอฝันเห็นศัตรูมักจะได้เป็นแฟนกันนะจ๊ะตัวเอง" เมย์พูดโพงทำหน้าเครียด (เมย์) : "แกเอาอะไรมาพูด ฟงแฟนอะไรศัตรูเว้ยศัตรู" เชอร์รี่ยังแซวแบบกวน ๆ ต่อ (เชอร์รี่) : "สงสัยจะหล่อมากนะเนี้ยนายธีร์คนนี้" ไม่ทันไรนายธีร์ก็จามออกมาซะงั้น และบ่นว่า "เมื่อวานจามบ่อย" "สงสัยยัยเอ๋อเหรอเมย์ต้องนินทาเราแน่เลย เมื่อคืนก็ฝันว่าโดนยัยนี่บีบคอซะแน่นเกือบตาย สงสัยต้องทำบุญล้างซวยซะแล้วเรา" ตัดมาที่เมย์และเชอร์รี่ (เชอร์รี่) : "ฉันว่าแกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะ แล้วไปกินข้าวข้างนอกบ้านกัน ฉันหิวแล้ว"เราไปทานอาหารร้านไหนดีเมย์" เชอร์รี่ถาม เมย์ตอบ (เมย์) : "ก็ร้านป้าจุ๊ไง อร่อยที่สุดในซอยนี้แล้ว" พอไปถึงร้านอาหารป้าจุ๊ ป้าจุ๊ถามว่า "สวัสดีจ๊ะหนูเมย์ หนูเชอร์รี่ วันนี่จะทานอะไรดีค่ะ เหมือนเดิมหรือเปล่า" เชอร์รี่ยิ้มรับและบอกป้าจุ๊ว่า (เชอร์รี่) : "ป้าจุ๊ค่ะ วันนี้สั่งคะน้าหมูกรอบดีกว่าค่ะ" "เมย์" "แล้วแกหล่ะจะทานอะไร" เมย์จึงสั่งว่า "เหมือนแกแล้วกันคะน้าหมูหัน" เชอร์รี่ทำหน้างงแล้วพูด (เชอร์รี่) : "หมูกรอบ ๆ ไม่ใช่หมูหันกวนจริง ๆ เลยนะแก" เมย์ทำเป็นหน้าตายแล้วแบะท่า
หน้า 6
(เชอร์รี่) : "แล้วแกล่ะไม่อยากทำงานอย่างอื่นเพิ่มบ้างเหรอ" "วัน ๆ เอาแต่เขียนหนังสือส่งบ้างหล่ะ แปลหนังสือส่งบ้างหล่ะ แล้วไหนจะรับจ้างเขียนหนังสือถ่ายทอดจากปากของดารา(ghostwriter) อีกหล่ะ" เชอร์รี่มองหน้าเมย์แล้วถามเมย์ว่า "อืมมมจริง ๆ แล้วแกก็สวยดีนะไม่ไปประกวดเป็นดาราหล่ะ เดี๋ยวนี้แต่ละสถานนีโทรทัศน์เค้ามีการประกวดกันด้วยนะแก"เมย์สวนคำพูดไปที่เชอร์รี่ (เมย์) : "ไม่ต้องมาแนะนำช่องทางรวยให้ฉันเลย" "ฉันชอบการเขียนหนังสือเป็นชีวิตจิตใจยะ อุดมการณ์นะเคยได้ยินมั้ย" เชอร์รีรีบตอบเมย์กลับไป (เชอร์รี่) : "แหมเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ฉันว่าอุดมกินบางอย่างสำคัญกว่านะแม่คุณ" เมย์เกาหัวแคระ ๆ ไปกินไปแล้วบอกว่า "เออน่าช่างฉันเถอะน่า เธอเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ทำยังกะเป็นพี่สาวฉันแน่ะแม่เลขาฯ จอมจุ้น" ตำแหน่งงานของเชอร์รี่)เมย์นั่งครุ่นคิดพลางพูดออก (เมย์) : "ฉันคิดออกแล้ว !! ฉันไปรับจ้างวาดรูปดีกว่า เพื่อมีรายได้เสริมขึ้นมาบ้าง" เชอร์รี่ถามกลับทันที (เชอร์รี่) : "อ้าว ๆ ไหนเมื่อกี้บอกว่าชอบเขียนหนังสือเพราะอุดมการณ์ไงล่ะ" เมย์จึงพูดสัมทับ (เมย์) : "ฉันว่าอุดมกินก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะฉันวาดรูปสวย ไม่พูดต่อหล่ะ ฉันจะไปเตรียมอุปกรณ์วาดรูปดีกว่า" "ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วมื้อนี้เลี้ยงฉันด้วยนะ" "เพราะเธอได้งานใหม่แล้วนี่" สิ้นเสียงของเมย์เชอร์รี่ทำหน้างงงวยพร้อมบ่นว่า "อะไรกันเนี้ยแม่คนนี้"เหตุการณ์ตัดมาที่ฝั่งแม่ของเมย์ที่อยู่ที่เชียงใหม่...... "(เจ๊ ๆ น้ำตาลถุงเท่าไหร่ครับ" ลูกค้าถาม) "15 บาทจ๊ะ" แม่มาลีตอบ ลูกค้าจึงสั่ง (ลูกค้า) : "งั้นผมขอซื้อสองถุงนะครับ" "นี่ครับ 30 บาท" "ขอบใจจ๊ะ" แม่มาลีกล่าวขอบใจ แล้วนายเป้ก็กลับมาถึงบ้านพร้อมเหงื่อโทรมกายแล้วก็บอกแม่ว่า "แม่ครับแม่ ผมหิวจังเลยเย็นนี้มีอะไรกินบ้างครับ" เป้ถามแม่มาลี แล้วแม่มาลีตอบลูกชายกลับ (แม่มาลี) : "ในตู้กับข้าวมีไข่เจียวและกระเพาหมู แต่ต้องไปอาบน้ำก่อนนะลูก" แล้วเป้ก็ถามแม่มาลีต่อ (เป้) : "กินข้าวก่อนได้ไหมครับแม่ผมหิวจริง ๆ นะ" แม่มาลีจึงตะโกนกลับไป (แม่มาลี) : "เดี๋ยวเหอะไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง ลูกคนนี้นี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ" เป้ขานรับแม่ (เป้) : "ครับแม่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" แม่มาลีพูดจบพร้อมทำหน้าเบื่อแล้วมองไปที่รูปสามีที่จากไปแล้ว ๆ พูดว่า (แม่มาลี) : "คุณค่ะฉันเหนื่อยใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าลูกเป้ของเราจะเตลิดไปทางที่ไม่ถูกเพราะเพื่อนของเขารึเปล่า" "แต่ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ" แล้วแม่มาลีก็นั่งนึกถึงความหลังครั้งเก่าในตอนสามียังมีชีวิตอยู่.....มาลีผมอยากได้ลูกชายจังเลย เราพยายามมาตั้ง 5 ปี แล้วนะ" พ่อสุธี(พ่อของเมย์) แม่มาลีนึกขึ้นได้เลยแนะนำพ่อสุธี (แม่มาลี) : "คุณค่ะ เราลองไปเซียมซีที่วัดจีนแถวน้านเราดูมั้ย เผื่อจะมีโอกาส" พ่อสุธีคิดแล้วเห็นด้วยทั้งสองจึงพากันไปที่วัด และแล้วก็ถึงวัดขณะถึงวัดเกิดลมพัดแรงพร้อมกับมีกระดาษที่ฉีกขาดครึ่งหนึ่งมาแปะที่หน้าของพ่อสุธี พ่อสุธีตกใจและอุทาน (พ่อสุธี) : "กระดาษอะไรเนี้ย" และดูในนั้นมีข้อความที่เขียนว่า "คิดดีแล้วหรือระวังภัย" พ่อสุธีและแม่มาลีงง แม่มาลีจึงพูดกับพ่อสุธีว่า "มันมาจากไหนค่ะพ่อ" พ่อสุธีก็หาที่มาจนไปเห็นป้ายโฆษณาของวัดเป็นกระดาษที่ขาดออกมา แล้วพ่อสุธีก็เอาหน้า 7
กระดาษไปเทียบกับกระดาษที่ขาดแล้วพูด
(พ่อสุธี) : "อ๋อนี่ไง มันเป็นข้อความที่ขาดจากกระดาษที่กระดานนี้เอง" แม่มาลีจึงบอกพ่อสุธี (แม่มาลี) : "คุณ ๆ ลองเอาไปแปะเทียบดูสิ ว่าข้อความคืออะไร" พ่อสุธีเลยเอากระดาษที่ขาดไปว่างเทียบดูแล้วอ่านออกมาได้ใจความว่า คนคิดชั่ว คิดดีแล้วหรือ ระวังภัยถึงตัว พ่อสุธีพูด (พ่อสุธี) : "อ๋อมันเป็นข้อความเตือนสติของคนที่คิดทำเรื่องไม่ดีน่ะแม่โถ!! นึกว่าอะไร" เหตุการณ์อาจจะดูว่าไม่มีอะไรแต่.....มันเกี่ยวกับครอบครัวนี้ด้วย เหมือนกับสิ่งศักดิ์จะบอกอะไรบางอย่างอยู่ จู่ ๆ มีพระจีนรูปหนึ่งเห็นพ่อสุธีมีลักษณะตัวใส ๆ เหมือนกับเป็นเงา และเข้าไปทักและถามสามี-ภรรยาคู่นี้ (พระ) : "โยมทั้งสองมาวัดนี้มีกิจธุระอะไรรึโยม" แม่มาลีไหว้พระและตอบพระอย่างสุภาพ (แม่มาลี) : "คืออย่างนี้เจ้าค่ะ ดิฉันและสามีมาไหว้พระและเสี่ยงเซียมซีค่ะ" พระจีนรูปนี้ถามกลับ (พระ) : "มีความประสงค์อะไรรึโยมถึงมาเซียมซีล่ะ" ฝ่ายพ่อสุธีจึงช่วยภรรยาตอบกลับ (พ่อสุธี) : "คือเราสองคนมีลูกสาวคนหนึ่งแต่ไม่มีลูกชาย พยายามมาแล้ว 5 ปี แต่ก็ยังไม่มีสักที เลยมีความคิดว่ามาเซียมซีดูเผื่อได้คำตอบที่สมปราถนาครับ" พระจีนพูดต่อกลับ (พระ) : "โยมถ้าวาสนาของโยมทั้งสองจะไม่มีลูกชายเลย โยมทั้งสองก็ต้องทำใจนะ" "และอย่าฝืนโชคชะตา อาตมาบอกได้เท่านี้ ขอให้โยมทั้งสองจงโชคดีปลอดภัย" "เจริญพรนะโยมทั้งสอง" พ่อสุธีจึงถามกลับอีกครั้ง (พ่อสุธี) : "หลวงพ่อครับ" "ผมยังไม่เข้าใจเลยครับ" พระจีนจึงตอบกลับอีกครั้ง (พระ) : "ถ้าเซียมซีบอกอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น อยู่ที่โยมจะตัดสินใจ" พ่อสุธีและแม่มาลีฟังแล้วยิ่งงงมองหน้ากัน แล้วหันไปทางพระจีน แว๊บเดียวพระจีนหายไปแล้ว แม่มาลีอุทาน (แม่มาลี) : "คุณค่ะ! หลวงพ่อหายไปไหนแล้ว" "นั่นสิหายไปไหนแล้ว" พ่อสุธีตอบแล้วพูด (พ่อสุธี) : "ช่างเถอะเราเข้าไปเซียมซีกันเถอะ" แล้วทั้งคู่ก็พากันเข้าไปในห้องพระเมื่อมาถึงทั้งคู่ก็จุดธูปไห้วพระพร้อมตั้งจิตอธิฐานและเสี่ยงเซียมซี ปรากฏว่าได้เบอร์ 6 พ่อสุธีจึงไปดึงเซียมซีเบอร์ 6 และอ่านข้อความดู เนื้อในข้อความมีใจความว่า "จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ อย่าขวนขวายในสิ่งที่เป็นไปได้ลำบาก แล้วจะอยู่สุขสบายกาย เพราะมิเช่นนั้นอาจจะได้อย่างเสียอย่าง"พ่อสุธีอ่านแล้วพูด (พ่อสุธี) : "แม่ดูสิ!! ในเซียมซีเหมือนกับจะบอกว่าเราไม่ควรจะมีลูกอีก แต่เออะไรคือได้อย่างเสียอย่าง แม่รู้มั้ย" แม่มาลีบอกพ่อสุธี (แม่มาลี) : "พ่อ ๆ จำได้ไหมที่หลวงพ่อเมื่อกี้พูดว่าอะไร" พ่อสุธีนึกถึงประโยคที่หลวงพ่อพูดออกมาและพูด (พ่อสุธี) : "แม่อย่าใส่ใจนักเลย เราอยากได้ลูกชายสืบสกุลนะ" "ถ้าเราจะต้องสูญเสีย ก็คงแค่โจรปล้นบ้านหรือไม่ก็ไฟไหม้บ้านละมั้ง" "แม่อย่าคิดมากเลย"แม่มาลีจึงบอกพ่อสุธีกลับ (แม่มาลี) : "เราเชื่อคำพูดของหลวงพ่อไว้ก็ไม่เสียหายหรอกค่ะ ถ้าบุญเราจะไม่มีลูกชายก็อย่าไปฝืนโชคชะตาเลยค่ะ" พ่อสุธีสวนคำพูดทันควัน (พ่อสุธี) : "อย่าใส่ใจเลยผมอยากมีลูกชาย ผมคิดว่าลองปรึกษาหมอดูดีกว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่ว่ากัน" แล้วทั้งคู่ก็พากันกลับบ้านและวางแผนไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาล พอถึงบ้าน (แม่มาลี) : "เมย์แม่กับพ่อกลับมาแล้วจ๊ะ แม่ซื้ออาหารกลับมาด้วยนะ" "ลูกเอาไปแกะใส่จานนะจ๊ะ" "ค่ะแม่"เมย์ขณะนั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนหน้า 8
แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่)
(เมย์ขานรับแม่) เมย์เตรียมอาหารเสร็จ แล้วมาบอกแม่และพ่อ (เมย์) : "แม่ค่ะ พ่อค่ะ หนูเตรียมอาหารเสร็จแล้วค่ะ มารับประทานกันได้แล้วค่ะ" พ่อแม่ลูกนั่งทานอาหารไป แล้วเมย์ก็ถามพ่อ (เมย์) : "พ่อค่ะไปวัดเสี่ยงเซียมซีมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างค่ะ"..........จบตอนที่ 1..........
ผลงานอื่นๆ ของ Mr.Zero-Up ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Mr.Zero-Up
ความคิดเห็น