วุ่นรัก...ยัยเพ้อฝันกันนายสุดกวน (Turbulence Love Young) - นิยาย วุ่นรัก...ยัยเพ้อฝันกันนายสุดกวน (Turbulence Love Young) : Dek-D.com - Writer
×

    วุ่นรัก...ยัยเพ้อฝันกันนายสุดกวน (Turbulence Love Young)

    พระเอกทำงานเป็นผู้ช่วยบ.ก. ส่วนนางเอกเป็นนักเขียน นางเอกส่งนิยายไปยังสำนักพิมพ์ที่พระเอกทำงานอยู่ แรกพบทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกันแต่สุดท้ายก็รักกัน โดยมีอุปสรรคคือ อดีตแฟนเก่าและอริเพื่อนเก่าของพระเอก

    ผู้เข้าชมรวม

    276

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    276

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ค. 52 / 23:14 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    (Mr.Zero-Up)

    หน้า 1

    ตอนที่ 1

    คนอะไรเนี่ย

               เริ่มจากนางเอกพิมพ์นวนิยายเสร็จในฉากจบ..."แล้วพระเอกกับนางเอกก็ครองรักกันอย่างมีความสุข"นั่นแน่จบสักที สำนักพิมพ์จะนำเรื่องของเราไปตีพิมพ์มั้ยเนี้ย" "เฮ้อชักง่วงนอนแล้วสิ" สิ้นเสียงของเมย์ (นางเอก) เพื่อนของนางเอก (เชอร์รี่) ก็พูด "ง่วงนอนแล้วก็ปิดไฟนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายไม่ได้ส่งต้นฉบับ เดี๋ยวไม่ได้ตังค์มาจ่ายค่าเช่าบ้านนะแก" เมย์ ตอบกลับ (เมย์) : "รู้แล้วน่า แม่คนชอบนอนกลน" ว่าแล้วก็นอนแต่ไม่วายพูดว่า "เชอร์รี่กลนไห้เสียงน่ารักหน่อยนะจ๊ะ แม่คนชอบกลน" หลังจากนั้น.....

    เช้าวันรุ่งขึ้น นาฬิกาก็ปลุกแล้วปลุกเล่า จนกระทั่งแปดโมงเช้าความซวยมาเยือน นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมถ่านดันหมดจนถึงเวลาเที่ยงทั้งคู่ยังหลับไหลอยู่เลย แล้วนางเอกก็ฝัน (เมย์) : "แตรดองจุน" สบตากัน ซังยูรี (เมย์) มองแล้วบอกกับแตรดองจุนว่า "ดองจุน ฉัน...ฉันนน..." "ปวดฉี่" ทันใดนั้น เมย์ก็ตื่นจากความฝันแล้วตะโกนว่า "ปวดฉี่จังเลย" แล้วเหลือบมองนาฬิกาปลุกพลางพูดว่า "โอ้แปดโมงแล้วเหรอ" "โชคยังดีที่ยังไม่สายนะเนื่ย ถ้าตื่นเที่ยงเสร็จแน่เลยเรา"แล้วเธอก็เดินไปรูดม่าน "อื้อหือทำไมแดดแรงจัง แค่แปดโมงเอง"เหลือบมองเวลาบนกำแพงแล้วอุทานว่า "อืมก็เที่ยงเองนิ" "เที่ยงเองนิ ๆ" "เฮ้ยนาฬิกาปลุกคงไม่...."ทันใดนั้นก็มองนาฬิกาปลุก "ซวยแล้วเรานาฬิกาปลุกถ่านหมด" "หมดเวลารับต้นฉบับบ่ายโมงครึ่งด้วย จะไปทันมั้ยเนี้ย "คลอก"เมย์ตะโกนใส่หูเชอร์รี่ว่า "ทำไมไม่กลนตอนเช้าวะแกเนี้ย" เชอร์รี่ตื่นแบบง่วงซึมพร้อมพูดว่า "อะไรของแกว่ะเนี้ย" ตะโกนใส่หูฉันทำไม รู้มั้ยนี่กี่โมงแล้ว" เมย์ตอบ (เมย์) : "ก็เที่ยงแล้วนะสิ ก็ไอ้นาฬิกาปลุกดันถ่านหมดฉันเลยตื่นสาย เนี้ยแล้วฉันจะส่งต้นฉบับทันมั้ยเนี้ย" เชอร์รี่บอกเมย์ว่า "แกก็รีบแต่งตัวสิมัวพูดมาก" "ตอนนี้ไปอาจจะทันก็ได้นะแก ไปสายดีกว่าไม่ได้ไปนะแก เดี๋ยวเราสองคนก็อยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก เจ๊แกยิ่งทวงเงินตรงเวลาด้วย" ว่าแล้วเมย์ก็รีบแต่งตัวแล้วออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว พอไปถึงปากซอย เมย์เรียกวินมอเตอร์ไซย์แล้วบอกว่า "พี่ ๆ ไปสำนักพิมพ์ Real Books Publishers Office ด่วน" พี่มอเตอร์ไซย์รับจ้างถาม (พี่มอเตอร์ไซย์) : "เดี๋ยว ๆ ไอ้เลว ๆ พับอะไรเชอร์ ๆ นั่นนะอยู่ไหนละน้อง" เมย์ตอบ (เมย์) : "ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่เลว... เรียกว่า เรียลบุ๊กส์ พับลิสเชอร์ เอาน่า ๆ เดี๋ยวหนูบอกทางให้ หนูต้องรีบส่งต้นฉบับ เดี๋ยวไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน" พี่มอเตอร์ไซย์รับจ้างรีบพูดว่า "งั้นรีบ ๆ ใส่หมวกเลยน้อง เดี๋ยวพี่จะรีบบิดให้เร็วเลย" เมย์พูด (เมย์) : "ขอบคุณค่ะพี่ พี่ขับเร็ว ๆ นะหนูต้องถึงก่อนบ่ายโมงครึ่งนะค่ะ" ระหว่างที่เมย์กำลังเดินทาง ทางฝั่งสำนักพิมพ์ Real Books Publishers Office "เฮ้ยธีร์ วันนี้มีคนส่งต้นฉบับมาเพิ่มอีกมั้ย" เสียงของสิทธิ์ เพื่อนพระเอกกล่าว "ยังไม่มีเลยหว่ะนี่ก็จะบ่ายโมงครึ่งแล้วมีแต่อีเมล์แต่ไม่มีต้นฉบับทางไปรษณีย์ หรือมาสมัครเองเลยหว่ะ" ธีร์"ทันเวลาพอดี ขอให้ส่งต้นฉบับได้นะจ๊ะน้อง" แล้วเมย์ก็จ่ายค่ารถ ตัดฉากมาที่พระเอก "เฮ้ยธีร์เราไปกินข้าวกันเถอะเลยเวลารับสมัครแล้ว" สิทธิ์กล่าว ธีร์ก็เลยบอก (ธีร์) : "ก็ดีเหมือนกันหิวแล้วเหมือนกัน วันนี้จะกินอะไรดี แต่ต้องเป็นเจ้าประจำนะ" "ทำไมล่ะ" : (สิทธิ์ถาม) "อ้าวก็เจ้านี้เพิ่มข้าวได้ไง จะได้อิ่มไปทั้งวันไงละเพื่อน อย่าเสียเวลาเลยน่าไปกันเถอะ" ธีร์ตอบ

     

    หน้า 2

      

    ตัดมาทางนางเอก ยามถามนางเอก (ยาม) : "(คุณครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ" (เมย์) : "คือดิฉันชื่อ เมมารินทร์ ค่ะ จะมาส่งต้นฉบับเพื่อให้สำนักพิมพ์พิจารณาค่ะ" (ยาม) : ดูเวลา "แต่เอ...ตอนนี้หมดเวลาแล้วนะครับ ผมว่าคุณมาส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้ดีกว่าครับ" (เมย์) : "ให้ฉันเข้าไปส่งต้นฉบับเถอะนะค่ะ ไหน ๆ ฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว" และแล้วธีร์กับสิทธิ์ก็ลงมา และเห็นเมย์กับยามยืนคุยกัน ธีร์จึงเข้าไปถาม "นี่ ๆ ที่นี่สำนักพิมพ์นะคุณจะยืนจู๋จี๋กันก็ให้ไปที่บ้านโน้น ไม่ใช่มาทำเป็นจู๋จี๋ที่นี่" ยามตอบ (ยาม) : "ไม่ได้ยืนจู๋นี๋กันครับ" "คือคุณผู้หญิงคนนี้จะมาส่งต้นฉบับนะครับ" (ธีร์) : "อ๋องั้นเหรอ งั้นขอโทษด้วยละกัน (เมย์) : "นี่คุณจะพูดจาอะไรก็ให้ดูเหตุการณ์ให้ดีก่อนนะ ระวังปากเจ่อนะคุณ" (ธีร์) : "อ้าวทำไมพูดแมว ๆ อย่างนี้หล่ะ ตะกี้ผมก็ขอโทษคุณแล้วไง ไม่ได้ยินหรือไง หูนะหู" (เมย์) : "(ฉันได้ยินแต่คุณก็ควรจะพูดจาให้สุภาพหน่อยนะ สงสัยจะไม่เคยเรียนวิชาจริยศาสตร์สนทนามามั้ง" (ธีร์) : "นี่คุณ!! พูดอย่างนี้เดี๋ยวสวยหรอก" เมย์ตอบทันควัน (เมย์) : "ฉันสวยตั้งแต่เกิดแล้ว" "ไม่เหมือนคุณหรอกลักษณะอย่างกับจรกาเผือก" (ธีร์) : " ว่าไงนะแม่สวยเอ๋อเหรอ"เมย์ทำท่าโกรธแล้วพูด (เมย์) : "นี่คุณฉันไม่ใช่คนปัญญาอ่อนนะ" ว่าแล้วทั้งคู่ก็เถียงกันโขมงโฉงเฉง....

    จากนั้น...ยามตะโกน (ยาม) : "จะเถียงกันทำไมครับคุณธีร์ คุณผู้หญิง" ยามหันมองเมย์แล้วบอกว่า "คุณผู้หญิงครับคุณธีร์นี่แหละครับที่คุณจะต้องส่งต้นฉบับให้พิจารณาไงครับ" แล้วยามหันไปบอกธีร์ด้วยว่า "คุณธีร์ครับ" "คุณผู้หญิงคนนี้มาส่งต้นฉบับเรื่องครับ" แต่นแต๊นว่าแล้วนางเอกก็ต๊กกะใจพลางพูดแก้เขิน (เมย์) : "นายนี่เหรอ เอ๊ยคุณคนนี้รึค่ะที่เป็นผู้รับต้นฉบับนะ" "ครับ" "คุณธีร์นี่แหละครับ" ยามขานรับ บรรยากาศเอวังทันทีเมย์จึงอุทานว่า "เป็นไงค่ะคุณธีร์ นี่เป็นฉากหนึ่งในนิยายของฉันตอนที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรกแล้วเถียงกัน"เมย์ช่างแถได้หน้าตาเฉยเลย ส่วนพระเอกก็พลอยเคลิบเคล้มไปด้วย ธีร์ลืมตัวแล้วพูด (ธีร์) : "อืมก็เป็นการปะทะคารมณ์ที่ดีเหมือนกันนะ คุณนี่ช่างคิดได้ ถ้าคนอ่านได้อ่านต้องชอบแน่เลย" "แต่เอ...เมื่อกี้....เมื่อกี้....เราสองคนดูเหมือน...เหมือนจะ....อืม.... นางเอกเอามือประกบกันแล้วทำหน้ายิ้มแบบเชื่อม ๆ ว่าแล้วธีร์ก็นึกขึ้นได้ "เฮ้ยไม่ใช่ !!" "เมื่อกี้เราสองคนทะเลาะกันต่างหาก" "มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย ไปเลย ๆ คุณกลับไปเลยไป ผมไม่รับต้นฉบับคุณ และนี่ก็เลยเวลารับต้นฉบับมานานมากแล้ว กลับไปซะ" "เล่นเอาเราเคลิ้มเลยยัยเอ๋อเหรอ" นางเอกชักฉุนกึกพร้อมเม้มปาก แต่นึกได้ว่าต้องใช้เงินค่าเช่าบ้านเดี๋ยวเจ๊หลินจะทวงเงิน (เจ้าของบ้านเช่า) เมย์จึงต่อว่าธีร์อย่างน้ำเสียงสุภาพแต่คำพูดไม่ใช่ (เมย์) : "ก็คุณทำให้ฉันเสียเวลาและพูดจาใม่สุภาพก่อนทำไมล่ะค่ะ" "ฉันถึงส่งต้นฉบับให้คุณไม่ทันยังไงล่ะค่ะ" เมย์พูดพร้อมทำปากมุบมิบแล้วทำคิ้วขมวดเป็นลูกศรชนกัน ธีร์จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ใช้คำพูดไม่สุภาพเหมือนกันกลับไปว่า "คุณผู้หญิงครับ" " ก็คุณมาสายเองนี่ครับ คุณรู้ว่าส่งต้นฉบับไม่ทัน แต่ก็ไม่รู้จักส่งมาทางเมล์หล่ะครับ" " คุณสวยเอ๋อครับ" เมย์ฟังแล้วจึงสวนกลับไปว่า "นี่ฉันพูดสุภาพที่สุดแล้วนะ ทำไมคุณต้องว่าฉันอีกหา" ธีร์ตอบกลับ (ธีร์) : " คุณก็เหมือนกันแหล่ะ พูดจาไม่เห็นสุภาพตรงไหนเลย"ทันใดนั้นสิทธิ์ที่ยืนฟังอยู่นานแล้วจึงเดินเข้ามาพูดว่า "นี่ผมยืนฟังคุณสองคนมานานแล้วนะ" พร้อมกับบอกธีร์ว่า "ธีร์นายเป็นผู้ชายนะควรจะสุภาพกับผู้หญิงหน่อยนะ" แล้วมองไปทางเมย์พร้อมกับพูดว่า "คุณผู้หญิงครับคุณก็ควรจะรักษาเวลาด้วยนะครับ" "เอาเป็นว่าผมเห็นความตั้งใจของคุณ....เอคุณชื่ออะไรครับ ผมสุรสิทธิ์ครับ เรียก

    หน้า 3 

     

    ผมว่าสิทธิ์ก็ได้ครับ และยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

               "ดิฉันชื่อเมมารินทร์ค่ะ เรียกว่าเมย์ก็ได้ค่ะ" เมย์ตอบ "ตกลงว่าผมจะรับต้นฉบับของคุณเมย์ไว้ล่ะกันนะครับ แล้วผมจะนำไปพิจารณาดูนะครับ" เมย์ฟังแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยจึงตอบสุรสิทธิ์กลับไปว่า "ขอบคุณ (พร้อมยกมือไหว้) (สิทธิ์รับไหว้) นะค่ะ ที่คุณสิทธิ์มีความกรุณาไม่เหมือนใครบางคนที่ยืนอยู่แถวนี้ ท่าทางท้องผูก สีหน้าเขียวอย่างกับการ์ตูนฝรั่งอะไรนะที่เป็นยักษ์ตัวเขียว" ธีร์ฟังแล้วฉุนและพูดว่า "นี่คุณ !!" "จะเอายังไงกับผมอีกแม่บาร์บี้ส์เอ๋อเหรอ" สิทธิ์ฟังแล้วหัวเราะแล้วแย้งว่า "เอาน่าเพื่อนอย่าใส่ใจคุณเมย์นักเลย เธอก็แค่ล้อเล่นนายเท่านั้นเอง ใจเย็น ๆ เดี๋ยวน่าเขียวจริง ๆ หรอก" "ฉันหิวข้าวแล้วนะ" "ไส้จะกลิ่วอยู่แล้วรีบไปกันเถอะธีร์" ว่าแล้วก็นำต้นฉบับไปแล้วขอตัวไปกินข้าวกับเพื่อน "คุณเมย์ครับงั้นผมและธีร์ขอตัวไปรับประทานอาหารก่อนนะครับ" "ไปกันเถอะธีร์" ก่อนไปธีร์ทำหน้าแง่ง ๆ ใส่เมย์ เมย์จึงทำหน้ากวน ๆ และแลบลิ้นกลับพร้อมพูดว่า "ไปเลยไป" "คุณตัวเขียว ชิ้ว ๆ"ผู้หญิงอะไรสวยก็สวยอยู่หรอก แต่ปากจัดจริง ๆ นายว่ามั้ย" ธีร์บ่นพึมพัม) (สิทธิ์) : "ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันหิวมาก" สิทธิ์รับประทานอาหารไปและอ่านนิยายของเมย์ไปและเริ่มอินกับนิยายพร้อมกับน้ำตาร่วงและพรรณนาว่า "นางเอกคนนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ" กินไปร้องไห้ไป "แม่ก็มีกรรมโชคร้ายตาบอด พ่อแยกทางตัวนางเอกก็ต้องทำงานสารพัด รายได้ก็น้อย" ธีร์ฟังแล้วรู้สึกหมั่นไส้พร้อมกับแซวว่า "ก็แค่นิยายน้ำเน่า ใคร ๆ เค้าก็เขียนกันในลักษณะเดียวกันทั้งนั้นแหละ นายนี่เว่อร์จริง ๆ เล้ย" "ไหนเอามาอ่านหน่อยซิ ให้รู้ไปว่ามันจะเศร้ามากแค่ไหน" ธีร์อ่านไปได้สักพัก.....โฮ้ฮฮๆๆๆ ทำไมช่างน่าสงสารเช่นนี้ ช่างสะเทือนใจเรานัก" "นายดูสิ โฮ้" สิทธิ์พึมพัมกับตัวเองว่า "ดูมัน มันอ่านแลัวยังซาบซึ้ง แลัวยังทำมาว่าอีก" ธีร์ได้ยินพลางพูด (ธีร์) : "อะไรนะ ก็แค่นิยายเศร้า ๆ โถ่" สิทธิ์ได้ทีเลยแซวต่อ (สิทธิ์) : "ชอบก็บอกเถอะเพื่อน ไม่เห็นต้อมาทำเป็นแก้เขินเลยนิ" สิทธิ์ทำหน้าหัวเราะร่าเริง ธีร์เลยแก้เขินอีกครั้งว่า "อิ่มรึยังต้องขึ้นไปทำงานต่อแล้วนะ"

    ตัดมาทางด้านเมย์ (เมย์) : "วันนี้ซวยจริง ๆ นาฬิกาปลุกถ่านหมด ตื่นสาย แถมมาเจอคนอะไรเนี้ย ดีแต่หล่อแต่ปากจัดชมัด" เมย์เดินไปมาสักครู่ก็มีโทรศัพท์จากเชอร์รี่ "ตู๊ด ๆๆๆ" "ว่าไงเชอร์รี่" เสียงเชอร์รี่ "เมย์กลับมาช่วยซื้อข้าวกล่องมาให้ด้วยนะจ๊ะ" เมย์ตอบกลับไป (เมย์) : "นี่แกแทนที่จะโทรมาถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ยังมีหน้าโทรมาสั่งข้าวกล่องฉันอีก" "ฉันไม่ใช่เจ้าของร้านอาหารที่สามารถส่งอาหารจานด่วนให้แกได้นะ" เชอร์รี่หัวเราะและตอบเมย์กลับ (เชอร์รี่) : "แหมกองทัพต้องเดินด้วยท้องสิจ๊ะเมย์ ถ้าไม่มีแรงจะทำงานได้เหรอเพื่อนรัก" เมย์พูดแบบงอน ๆ (เมย์) : "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี อยากกินอะไรก็บอกมา" เชอร์รี่รีบสั่งทันที (เชอร์รี่) : "(ข้าวผัดละกันอร่อยดีฉันชอบกิน" เมย์) : "เออ ๆ อร่อยแกแต่เงินฉัน แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวฉันรีบกลับ" วางหูไม่ทันไรก็มีเสียงโทรศัพท์ดังอีก "ตู๊ด ๆๆ" เมย์รับสาย (เมย์) : "อะไรอีกหล่ะแม่คนชอบนอนกลนจอมหิวโหย" "กลนอะไร หิวโหยอะไรหาลูกคนนี้" แม่มาลี(เมย์) : "เสียงคุ้น ๆ แม่เหรอค่ะ หนูขอโทษค่ะ เมื่อกี้เชอร์รี่โทรมาสั่งข้าวและเพิ่งวางสายไปค่ะ" "แม่มีเรื่องอะไรรึเปล่าค่ะถึงโทรมาได้คะเนี้ย" แม่มาลีตอบกลับว่า (แม่มาลี) : "ต้องมีเรื่องด้วยเหรอถึงจะโทรมาได้หาลูกคนนี้นี่"

    หน้า 4

     

    "แม่อยากถามว่าการกินอยู่เป็นอย่างไร แล้วงานหนังสือได้ตีพิมพ์มั้ยจ๊ะลูก" เมย์ตอบอย่างสุภาพ      (เมย์) : "ยังเลยค่ะแม่พอดีวันนี้หนูเพิ่มส่งต้นฉบับไปให้ทางสำนักพิมพ์พิจารณาอยู่ค่ะ หนูมั่นใจนะค่ะว่างานต้องได้ตีพิมพ์แน่นอนค่ะ" แม่มาลีฟังแล้วให้กำลังใจเมย์ (แม่มาลี) : "ถ้าลูกมั่นใจอย่างนี้แม่ก็ขออวยพรให้ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือนะจ๊ะลูก" "อยู่กรุงเทพ ฯ ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก" "ค่ะแม่" เมย์ตอบ แล้วเมย์ถามแม่กลับว่า "แล้วที่ร้านเป็นไงบ้างค่ะขายดีมั้ย แล้วเป้ (น้องชายเมย์) หล่ะช่วยงานแม่ดีมั้ยค่ะ"แม่มาลีตอบกลับว่า "ดี ๆ น้องชายแกก็ช่วยงานดี แต่เลิกเรียนทีไรเป้ชอบไปเตะบอลกับเพื่อนเขาอยู่เรื่อย" เมย์พูดกลับ (เมย์) : "ก็อย่างนี้แหละค่ะแม่ เด็กผู้ชายก็ติดเพื่อนอย่างนี้แหละ" "ขอแต่อย่าไปติดการพนันหรือติดยาก็พอแล้ว" "เออแค่นี้ก่อนนะค่ะแม่ เดี๋ยวเปลืองค่าโทรศัพท์แม่เปล่า ๆ " "แล้วหนูจะติดต่อกลับไปหาแม่เองนะค่ะ" แม่มาลีตอบกลับ (แม่มาลี) : "จ๊ะลูก" "ดูแลตัวเองด้วยนะแม่เป็นห่วง" เมย์รับคำ (เมย์) : "ขอบคุณค่ะแม่ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะค่ะ รักแม่ค่ะ สวัสดีค่ะแม่"เมย์มาถึงบ้านพร้อมกับข้าวกล่องแสนอร่อยสองกล่อง (เมย์) : "กลับมาแล้วจ๊ะ ข้างผัดของคนชอบนอนกลน" "กินหมดแล้วช่วยทิ้งลงถังขยะด้วยนะจ๊ะ" เชอร์รี่กินข้าวผัดอย่างอเหร็ดอร่อยพร้อมถามเมย์ว่า "เป็นยังไงบ้างเมย์ วันนี้ส่งต้นฉบับทันรึเปล่า" เมย์ตอบกลับ (เมย์) : "(ส่งได้แต่คนรับนะสิกวนประสาทชะมัด นึกแล้วยังโมโหไม่หาย" เชอร์รี่) : "ก็เธอไปสายเองนี่ โทษเขาก็ไม่ได้หรอกนะ" เมย์พูดอย่างจริงจัง (เมย์) : "ฉันรู้ ฉันรู้ว่าฉันไปสาย แต่เขาพูดจาไม่ดีก่อน มีอย่างที่ไหนมาว่า ๆ ฉันยืนจู๋จี๋กับยามหน้าสำนักพิมพ์นะ" "สงสัยจะป่วยทางจิต"

    เชอร์รี่ฟังแล้วพูดกลับ (เชอร์รี่) : "เขาอาจจะเสียหวยก็ได้ถึงอารมณ์ไม่ดี เลยพาลพูดอย่างนั้นไปนะ" เมย์แย้งกลับ (เมย์) : "เธอรู้ได้ไงว่าเขาเสียหวยนะเชอร์รี่" เชอร์รี่หัวเราะแล้วพูด (เชอร์รี่) : "ก็เธอดูที่ปฏิทินสิ ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว" เมย์ดูปฏิทินพลางพูด (เมย์) : "ก็วันที่ 16 อืม...แกนี่ช่างคิดดีนะ" "ชั้นว่าแกน่ะน่าจะไปขายหวยดีกว่านะ" "แต่ถ้าแกขายหวยใต้ดินตำรวจจับ ฉันไม่ไปประกันตัวให้แกด้วยนะ" "ตัวใครตัวมัน" เมย์ทำตาโตแบบจริงจังพร้อมแลบลิ้นแล้วพูดว่า "ฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" เชอร์รี่ตะโกนขึ้นไปบอกว่า "ถ้าฉันซื้อหวยแล้วถูกรางวัลที่หนึ่ง อย่ามาขอใช้เงินนะแก" เชอร์รี่ยืนยักท้าวเอว แล้วเดินไปนั่งดูโทรทัศน์

    พอกลางดึก ทั้งคู่หลับไหลอย่างมีวามสุข...แต่มีคนหนึ่งกับฝันร้ายไม่รู้เก็บไปฝันเองรึเปล่าเมย์ฝันว่า.... "ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ดองจุนช่วยฉันด้วย มีคนตามฆ่าฉัน" เธอวิ่งไปเรื่อย ๆ แล้วไปชนอะไรบางอย่าง ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่เป็น นายธีร์ แห่งสำนักพิมพ์เรียลบุ๊กส์นั่นเอง เมย์วิ่งชนดังปึกแล้วพูดว่า "ขอโทษค่ะ อุยเจ็บหัวจัง" พร้อมแหงนหน้าขึ้นไปมองชายคนนี้ และอุทานขึ้นมาว่า "นายธีร์ นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง" ธีร์ในความฝันพูดว่า "ไม่ต้องพูดมาก !! ตายซะเถอะ" ธีร์บีบคอเมย์อย่างแรงพร้อมเขย่า ๆ แล้วพูดว่า "ตาย ๆๆ" พร้อมทำ

    หน้า 5 

     

    หน้าสะใจแบบโรคจิต จนกระทั่ง....

              รุ่งเช้าเมย์ละเมอพร้อมจับคอตัวเองแล้วละเมอว่า "ปล่อยฉันนะไอ้บ้าธีร์ ปล่อยฉัน จะจองเวรฉันไปถึงไหนหา" จนกระทั่งเมย์ตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อออกหน้าซีดและเธอพูดว่า "คนอะไรจองเวรแม้แต่ในความฝัน เล่นเอาเราเกือบตาย" เบื้องหน้าของเมย์คือเชอร์รี่ นั่งไข่วห้างอ่านหนังสือพร้อมพูดว่า (เชอร์รี่) : "(โอ้โหแกฝันร้ายเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ใครนะธีร์แฟนแกเหรอ"เมย์) : "(แฟนบ้าแฟนบออะไร!!! ศัตรูละไม่ว่า" เชอร์รี่) : "แล้วแกไปรู้จักนายธีร์คนนี้จากไหนเหรอ ทำไมฉันไม่รู้จักเขาเลยล่ะ" เมย์สวนคำพูดทันควัน (เมย์) : "จากไหนเหรอ ก็อีตาที่อยู่สำนักพิมพ์เรียล บุ๊กส์ ที่รับต้นฉบับฉันไงล่ะ ไม่ใช่สิเพื่อนเขาต่างหากที่รับต้นฉบับฉัน" เชอร์รี่ฟังแล้วแซวเมย์กลับ "อ๋อเหรอฝันเห็นศัตรูมักจะได้เป็นแฟนกันนะจ๊ะตัวเอง" เมย์พูดโพงทำหน้าเครียด (เมย์) : "แกเอาอะไรมาพูด ฟงแฟนอะไรศัตรูเว้ยศัตรู" เชอร์รี่ยังแซวแบบกวน ๆ ต่อ (เชอร์รี่) : "สงสัยจะหล่อมากนะเนี้ยนายธีร์คนนี้" ไม่ทันไรนายธีร์ก็จามออกมาซะงั้น และบ่นว่า "เมื่อวานจามบ่อย" "สงสัยยัยเอ๋อเหรอเมย์ต้องนินทาเราแน่เลย เมื่อคืนก็ฝันว่าโดนยัยนี่บีบคอซะแน่นเกือบตาย สงสัยต้องทำบุญล้างซวยซะแล้วเรา" ตัดมาที่เมย์และเชอร์รี่ (เชอร์รี่) : "ฉันว่าแกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะ แล้วไปกินข้าวข้างนอกบ้านกัน ฉันหิวแล้ว"เราไปทานอาหารร้านไหนดีเมย์" เชอร์รี่ถาม เมย์ตอบ (เมย์) : "ก็ร้านป้าจุ๊ไง อร่อยที่สุดในซอยนี้แล้ว" พอไปถึงร้านอาหารป้าจุ๊ ป้าจุ๊ถามว่า "สวัสดีจ๊ะหนูเมย์ หนูเชอร์รี่ วันนี่จะทานอะไรดีค่ะ เหมือนเดิมหรือเปล่า" เชอร์รี่ยิ้มรับและบอกป้าจุ๊ว่า (เชอร์รี่) : "ป้าจุ๊ค่ะ วันนี้สั่งคะน้าหมูกรอบดีกว่าค่ะ" "เมย์" "แล้วแกหล่ะจะทานอะไร" เมย์จึงสั่งว่า "เหมือนแกแล้วกันคะน้าหมูหัน" เชอร์รี่ทำหน้างงแล้วพูด (เชอร์รี่) : "หมูกรอบ ๆ ไม่ใช่หมูหันกวนจริง ๆ เลยนะแก" เมย์ทำเป็นหน้าตายแล้วแบะท่า

    แล้วเชอร์รี่สั่งอาหารกับป้าจุ๊ว่า "ป้าจุ๊ค่ะ ตกลงเป็นข้าวหมูกรอบสองจานค่ะ" สักครู่ข้าวหมูกรอบอันหอมกรุ่นก็มาเสริฟ์ที่โต๊ะ "หืมหอมน่ากินจริง ๆ เลยแก" เสียงเชอร์รี่อุทาน ทั้งคู่รับประทานอย่างอเหร็ดอร่อย สักครู่โทรศัพท์ของเชอร์รี่ก็ดัง "ตู๊ด ๆ" เชอร์รี่รับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ ละอองดาว (ชื่อเชอร์รี่) พูดอยู่ค่ะ" " ว่าไงนะค่ะ ตกลงนัดทำสัญญางานรึค่ะ ดีใจจังวันไหนค่ะ" "ขอโทษค่ะขอดิฉันจดรายละเอียดก่อนนะค่ะ" "ค่ะเป็นวันจันทร์หน้านะค่ะ ค่ะได้ค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะแล้ววันจันทร์หน้าเจอกันนะค่ะ" "สวัสดีค่ะ" หลังจากวางสาย เชอร์รี่ดีใจพูดว่า "เย๊ได้งานใหม่แล้ว"เมย์ถามเชอร์รี่ด้วยความสงสัย (เมย์) : "เชอร์รี่จริง ๆ แล้วที่ทำงานเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่ ทำไมต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ด้วยหล่ะ" เชอร์รี่จึงตอบให้เมย์หายสงสัย (เชอร์รี่) : "แหมก็อีตา Boss ที่ทำงานเก่านะสิ ชอบชีกอ" "แถมยังมีหน้าจะมาขอฉันเป็นเมียน้อยอีก ใครจะทนอยู่ได้หล่ะ" "หรือแกชอบ เอามั้ยฉันจะติดต่อให้ แกจะได้รวย"เมย์สวนด้วยคำพูด (เมย์) : "บังเงกสิแก จะป้อนเพื่อนให้เข้าปากเสือซะงั้น" เชอร์รี่ทำหน้าทะเล้นแล้วพูดว่า "อะล้อเล่งนะล้อเล่ง" แล้วเชอร์รี่ก็ถามเมย์ต่อ

    หน้า 6

              (เชอร์รี่) :  "แล้วแกล่ะไม่อยากทำงานอย่างอื่นเพิ่มบ้างเหรอ" "วัน ๆ เอาแต่เขียนหนังสือส่งบ้างหล่ะ แปลหนังสือส่งบ้างหล่ะ แล้วไหนจะรับจ้างเขียนหนังสือถ่ายทอดจากปากของดารา(ghostwriter) อีกหล่ะ" เชอร์รี่มองหน้าเมย์แล้วถามเมย์ว่า "อืมมมจริง ๆ แล้วแกก็สวยดีนะไม่ไปประกวดเป็นดาราหล่ะ เดี๋ยวนี้แต่ละสถานนีโทรทัศน์เค้ามีการประกวดกันด้วยนะแก"เมย์สวนคำพูดไปที่เชอร์รี่ (เมย์) : "ไม่ต้องมาแนะนำช่องทางรวยให้ฉันเลย" "ฉันชอบการเขียนหนังสือเป็นชีวิตจิตใจยะ อุดมการณ์นะเคยได้ยินมั้ย" เชอร์รีรีบตอบเมย์กลับไป (เชอร์รี่) : "แหมเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ฉันว่าอุดมกินบางอย่างสำคัญกว่านะแม่คุณ" เมย์เกาหัวแคระ ๆ ไปกินไปแล้วบอกว่า "เออน่าช่างฉันเถอะน่า เธอเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ทำยังกะเป็นพี่สาวฉันแน่ะแม่เลขาฯ จอมจุ้น" ตำแหน่งงานของเชอร์รี่)เมย์นั่งครุ่นคิดพลางพูดออก (เมย์) : "ฉันคิดออกแล้ว !! ฉันไปรับจ้างวาดรูปดีกว่า เพื่อมีรายได้เสริมขึ้นมาบ้าง" เชอร์รี่ถามกลับทันที (เชอร์รี่) : "อ้าว ๆ ไหนเมื่อกี้บอกว่าชอบเขียนหนังสือเพราะอุดมการณ์ไงล่ะ" เมย์จึงพูดสัมทับ (เมย์) : "ฉันว่าอุดมกินก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะฉันวาดรูปสวย ไม่พูดต่อหล่ะ ฉันจะไปเตรียมอุปกรณ์วาดรูปดีกว่า" "ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วมื้อนี้เลี้ยงฉันด้วยนะ" "เพราะเธอได้งานใหม่แล้วนี่" สิ้นเสียงของเมย์เชอร์รี่ทำหน้างงงวยพร้อมบ่นว่า "อะไรกันเนี้ยแม่คนนี้"เหตุการณ์ตัดมาที่ฝั่งแม่ของเมย์ที่อยู่ที่เชียงใหม่...... "(เจ๊ ๆ น้ำตาลถุงเท่าไหร่ครับ" ลูกค้าถาม) "15 บาทจ๊ะ" แม่มาลีตอบ ลูกค้าจึงสั่ง (ลูกค้า) : "งั้นผมขอซื้อสองถุงนะครับ" "นี่ครับ 30 บาท" "ขอบใจจ๊ะ" แม่มาลีกล่าวขอบใจ แล้วนายเป้ก็กลับมาถึงบ้านพร้อมเหงื่อโทรมกายแล้วก็บอกแม่ว่า "แม่ครับแม่ ผมหิวจังเลยเย็นนี้มีอะไรกินบ้างครับ" เป้ถามแม่มาลี แล้วแม่มาลีตอบลูกชายกลับ (แม่มาลี) : "ในตู้กับข้าวมีไข่เจียวและกระเพาหมู แต่ต้องไปอาบน้ำก่อนนะลูก" แล้วเป้ก็ถามแม่มาลีต่อ (เป้) : "กินข้าวก่อนได้ไหมครับแม่ผมหิวจริง ๆ นะ" แม่มาลีจึงตะโกนกลับไป (แม่มาลี) : "เดี๋ยวเหอะไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง ลูกคนนี้นี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ" เป้ขานรับแม่ (เป้) : "ครับแม่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" แม่มาลีพูดจบพร้อมทำหน้าเบื่อแล้วมองไปที่รูปสามีที่จากไปแล้ว ๆ พูดว่า (แม่มาลี) : "คุณค่ะฉันเหนื่อยใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าลูกเป้ของเราจะเตลิดไปทางที่ไม่ถูกเพราะเพื่อนของเขารึเปล่า" "แต่ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ" แล้วแม่มาลีก็นั่งนึกถึงความหลังครั้งเก่าในตอนสามียังมีชีวิตอยู่.....มาลีผมอยากได้ลูกชายจังเลย เราพยายามมาตั้ง 5 ปี แล้วนะ" พ่อสุธี(พ่อของเมย์) แม่มาลีนึกขึ้นได้เลยแนะนำพ่อสุธี (แม่มาลี) : "คุณค่ะ เราลองไปเซียมซีที่วัดจีนแถวน้านเราดูมั้ย เผื่อจะมีโอกาส" พ่อสุธีคิดแล้วเห็นด้วยทั้งสองจึงพากันไปที่วัด และแล้วก็ถึงวัดขณะถึงวัดเกิดลมพัดแรงพร้อมกับมีกระดาษที่ฉีกขาดครึ่งหนึ่งมาแปะที่หน้าของพ่อสุธี พ่อสุธีตกใจและอุทาน (พ่อสุธี) : "กระดาษอะไรเนี้ย" และดูในนั้นมีข้อความที่เขียนว่า "คิดดีแล้วหรือระวังภัย" พ่อสุธีและแม่มาลีงง แม่มาลีจึงพูดกับพ่อสุธีว่า "มันมาจากไหนค่ะพ่อ" พ่อสุธีก็หาที่มาจนไปเห็นป้ายโฆษณาของวัดเป็นกระดาษที่ขาดออกมา แล้วพ่อสุธีก็เอา

    หน้า 7

     

     

    กระดาษไปเทียบกับกระดาษที่ขาดแล้วพูด

              (พ่อสุธี) : "อ๋อนี่ไง มันเป็นข้อความที่ขาดจากกระดาษที่กระดานนี้เอง" แม่มาลีจึงบอกพ่อสุธี (แม่มาลี) : "คุณ ๆ ลองเอาไปแปะเทียบดูสิ ว่าข้อความคืออะไร" พ่อสุธีเลยเอากระดาษที่ขาดไปว่างเทียบดูแล้วอ่านออกมาได้ใจความว่า คนคิดชั่ว คิดดีแล้วหรือ ระวังภัยถึงตัว พ่อสุธีพูด (พ่อสุธี) : "อ๋อมันเป็นข้อความเตือนสติของคนที่คิดทำเรื่องไม่ดีน่ะแม่โถ!! นึกว่าอะไร" เหตุการณ์อาจจะดูว่าไม่มีอะไรแต่.....มันเกี่ยวกับครอบครัวนี้ด้วย เหมือนกับสิ่งศักดิ์จะบอกอะไรบางอย่างอยู่ จู่ ๆ มีพระจีนรูปหนึ่งเห็นพ่อสุธีมีลักษณะตัวใส ๆ เหมือนกับเป็นเงา และเข้าไปทักและถามสามี-ภรรยาคู่นี้ (พระ) : "โยมทั้งสองมาวัดนี้มีกิจธุระอะไรรึโยม" แม่มาลีไหว้พระและตอบพระอย่างสุภาพ (แม่มาลี) : "คืออย่างนี้เจ้าค่ะ ดิฉันและสามีมาไหว้พระและเสี่ยงเซียมซีค่ะ" พระจีนรูปนี้ถามกลับ (พระ) : "มีความประสงค์อะไรรึโยมถึงมาเซียมซีล่ะ" ฝ่ายพ่อสุธีจึงช่วยภรรยาตอบกลับ (พ่อสุธี) : "คือเราสองคนมีลูกสาวคนหนึ่งแต่ไม่มีลูกชาย พยายามมาแล้ว 5 ปี แต่ก็ยังไม่มีสักที เลยมีความคิดว่ามาเซียมซีดูเผื่อได้คำตอบที่สมปราถนาครับ" พระจีนพูดต่อกลับ (พระ) : "โยมถ้าวาสนาของโยมทั้งสองจะไม่มีลูกชายเลย โยมทั้งสองก็ต้องทำใจนะ" "และอย่าฝืนโชคชะตา อาตมาบอกได้เท่านี้ ขอให้โยมทั้งสองจงโชคดีปลอดภัย" "เจริญพรนะโยมทั้งสอง" พ่อสุธีจึงถามกลับอีกครั้ง (พ่อสุธี) : "หลวงพ่อครับ" "ผมยังไม่เข้าใจเลยครับ" พระจีนจึงตอบกลับอีกครั้ง (พระ) : "ถ้าเซียมซีบอกอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น อยู่ที่โยมจะตัดสินใจ" พ่อสุธีและแม่มาลีฟังแล้วยิ่งงงมองหน้ากัน แล้วหันไปทางพระจีน แว๊บเดียวพระจีนหายไปแล้ว แม่มาลีอุทาน (แม่มาลี) : "คุณค่ะ! หลวงพ่อหายไปไหนแล้ว" "นั่นสิหายไปไหนแล้ว" พ่อสุธีตอบแล้วพูด (พ่อสุธี) : "ช่างเถอะเราเข้าไปเซียมซีกันเถอะ" แล้วทั้งคู่ก็พากันเข้าไปในห้องพระ

    เมื่อมาถึงทั้งคู่ก็จุดธูปไห้วพระพร้อมตั้งจิตอธิฐานและเสี่ยงเซียมซี ปรากฏว่าได้เบอร์ 6 พ่อสุธีจึงไปดึงเซียมซีเบอร์ 6 และอ่านข้อความดู เนื้อในข้อความมีใจความว่า "จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ อย่าขวนขวายในสิ่งที่เป็นไปได้ลำบาก แล้วจะอยู่สุขสบายกาย เพราะมิเช่นนั้นอาจจะได้อย่างเสียอย่าง"พ่อสุธีอ่านแล้วพูด (พ่อสุธี) : "แม่ดูสิ!! ในเซียมซีเหมือนกับจะบอกว่าเราไม่ควรจะมีลูกอีก แต่เออะไรคือได้อย่างเสียอย่าง แม่รู้มั้ย" แม่มาลีบอกพ่อสุธี (แม่มาลี) : "พ่อ ๆ จำได้ไหมที่หลวงพ่อเมื่อกี้พูดว่าอะไร" พ่อสุธีนึกถึงประโยคที่หลวงพ่อพูดออกมาและพูด (พ่อสุธี) : "แม่อย่าใส่ใจนักเลย เราอยากได้ลูกชายสืบสกุลนะ" "ถ้าเราจะต้องสูญเสีย ก็คงแค่โจรปล้นบ้านหรือไม่ก็ไฟไหม้บ้านละมั้ง" "แม่อย่าคิดมากเลย"แม่มาลีจึงบอกพ่อสุธีกลับ (แม่มาลี) : "เราเชื่อคำพูดของหลวงพ่อไว้ก็ไม่เสียหายหรอกค่ะ ถ้าบุญเราจะไม่มีลูกชายก็อย่าไปฝืนโชคชะตาเลยค่ะ" พ่อสุธีสวนคำพูดทันควัน (พ่อสุธี) : "อย่าใส่ใจเลยผมอยากมีลูกชาย ผมคิดว่าลองปรึกษาหมอดูดีกว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่ว่ากัน" แล้วทั้งคู่ก็พากันกลับบ้านและวางแผนไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาล พอถึงบ้าน (แม่มาลี) : "เมย์แม่กับพ่อกลับมาแล้วจ๊ะ แม่ซื้ออาหารกลับมาด้วยนะ" "ลูกเอาไปแกะใส่จานนะจ๊ะ" "ค่ะแม่"เมย์ขณะนั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียน

    หน้า 8 

     

    แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่)

              (เมย์ขานรับแม่) เมย์เตรียมอาหารเสร็จ แล้วมาบอกแม่และพ่อ (เมย์) : "แม่ค่ะ พ่อค่ะ หนูเตรียมอาหารเสร็จแล้วค่ะ มารับประทานกันได้แล้วค่ะ" พ่อแม่ลูกนั่งทานอาหารไป แล้วเมย์ก็ถามพ่อ (เมย์) : "พ่อค่ะไปวัดเสี่ยงเซียมซีมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างค่ะ"

    ..........จบตอนที่ 1..........

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น